แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ คาสิโน บาคาร่า ไฮโล ครบพร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

การแข่งขัน รีดผ้าเอ็กซ์ตรีม จะรีดผ้าที่ไหนก็ไม่หวั่น

การแข่งขัน รีดผ้าเอ็กซ์ตรีม

การแข่งขัน รีดผ้าเอ็กซ์ตรีม (Extreme Ironing) ไม่ใช่แค่กิจกรรมเล่นขำ ๆ แต่เป็นกีฬาที่แข่งขัน กันจริงจังเลยทีเดียว ใครจะนึกว่าการรีดเสื้อ จะกลายเป็นกีฬา ที่ท้าทายขนาดเอาเตารีดไปดำน้ำ หรือปีนยอดเขา มารีดผ้ากลางอากาศ ถ้าใครเคยคิดว่าการรีดผ้า เป็นเรื่องน่าเบื่อ บทความนี้จะเปลี่ยนมุมมอง ไปตลอดกาล

  • ประวัติของแข่งขันรีดผ้าเอ็กซ์ตรีม
  • พฤติกรรมของผู้เล่น ที่รวมความกล้า กับศิลปะเข้าไว้ด้วยกัน
  • การยอมรับในระดับโลก ของการแข่งขันรีดผ้าเอ็กซ์ตรีม

จุดกำเนิดของ การแข่งขันรีดผ้าเอ็กซ์ตรีม

ทุกสิ่งเริ่มต้นที่ “ความเบื่อ” Phil Shaw หนุ่มอังกฤษธรรมดาคนหนึ่ง ที่เพิ่งเลิกงานกลับบ้าน มาเจอกองผ้ารอรีด ยิ่งมองก็ยิ่งเบื่อ แต่ด้วยความที่เขา หลงใหลการผจญภัย เขาจึงจับเอา “ความจืด” มาผสมกับ “ความจี๊ด”

เขาออกเดินทางพร้อมโต๊ะรีด และเตารีด ไปปีนเขาพร้อม ภารกิจสุดเพี้ยน รีดผ้าบนหน้าผา แล้วถ่ายรูปเก็บไว้ ภาพนั้นกลายเป็น สัญลักษณ์ของความ “เหนือคาด” ที่แพร่ไปทั่วอินเทอร์เน็ต [1]

คนเริ่มเลียนแบบ บ้างก็เอาไปรีดในสวนหลังบ้าน บ้างก็พากันไปกลางป่า บางคนเริ่มเอาจริงเอาจัง รีดกลางแม่น้ำ รีดบนหลังคาโรงงาน หรือแม้แต่รีดตอนยืนบนรถถัง ความบ้าคลั่งนี้เริ่มแพร่กระจาย และในไม่ช้าก็มีคนถามว่า “แล้วจะไม่มีแข่งกันจริง ๆ เหรอ?”

เมื่อคนบ้ารวมตัว สู่การแข่งขันระดับโลก

ไม่นานนัก ความสนุกระดับเพื่อนขำ ก็กลายเป็นการแข่งขันจริงจัง ปี 2002 เยอรมนีจัดการแข่งขัน Extreme Ironing World Championships อย่างเป็นทางการ โดยมีผู้เข้าแข่งขัน จากหลายประเทศ ทั้งอังกฤษ ออสเตรีย เยอรมนี และแอฟริกาใต้ กติกาก็แปลกตามสไตล์ 

  • ต้องรีดผ้าในสถานที่ “สุดขอบ”
  • ต้องทำให้เสื้อผ้าจริง ๆ เรียบได้จริง
  • ต้องมีหลักฐาน เป็นภาพถ่าย หรือวิดีโอ
  • และที่สำคัญ ต้องปลอดภัยพอ ที่จะกลับมาเล่า ให้คนอื่นฟังได้

     

การแข่งขันแบ่งออกเป็นหลาย “หมวด” เช่น รีดผ้าในน้ำ (Wet category) หรือรีดบนเขา (Rocky category) บางทีมออกแบบคอสตูม อย่างกับหนังไซไฟ บางคนใช้ธีมซูเปอร์ฮีโร่  และที่เจ๋งสุดคือ บางคน “ตกแชมป์” เพราะเตารีดเขาหลุดมือ ตอนกระโดดร่ม แล้วตกหายไปเลย [2]

อุปกรณ์ประจำตัว ไม่ใช่แค่เตารีดกับปลั๊ก

แม้ชื่อจะเรียกว่า “รีดผ้า” แต่จริง ๆ แล้วมันคือภารกิจลับ ที่ต้องเตรียมตัว ระดับทีมลุยภารกิจพิเศษ

  • โต๊ะรีดแบบพับได้ น้ำหนักเบา แต่ต้องมั่นคง พอวางบนต้นไม้ หรือชายเขา
  • เตารีดบางคน ใช้แบบไฟฟ้าจริง ถ้ามีปลั๊กหรือแบตเตอรี่พกพา บางคนใช้ “เตารีดม็อกอัพ” ที่ไว้แค่ให้ดูเหมือน
  • เสื้อที่ใช้ต้องเป็น “ของจริง” มีการตรวจด้วยว่า ทำให้เรียบจริงหรือไม่ ไม่ใช่เอาแค่ผ้าขนหนูเปียก ไปแปะเฉย ๆ
  • กล้อง สำคัญมาก เพราะถ้าไม่มีหลักฐานการรีด ก็ไม่มีแต้ม

บางคนถึงขั้นโมดิฟายโต๊ะ ให้มีขาตั้งบนหน้าผา มีร่มกันฝน มีสายล็อกกับตัว ป้องกันโต๊ะปลิว มีคนเคยใช้ “เตารีดพลังแสงอาทิตย์” ขณะรีดบนยอดเขา เพราะไม่มีปลั๊กไฟ
ขณะที่อีกคนพก “เตารีดแช่น้ำแข็ง” เพื่อโชว์การรีดแบบ ultra-fresh บนน้ำแข็งกลางขั้วโลกก็มี

สถานที่การแข่งขันรีดผ้าเอ็กซ์ตรีม สุดขอบโลก

การแข่งขัน รีดผ้าเอ็กซ์ตรีม

นี่คือหัวใจ ของการแข่งรีดผ้าเอ็กซ์ตรีม “รีดที่ไหนก็ได้ ขอแค่คนอื่นไม่กล้าทำ” บางตัวอย่างที่เรียกเสียงฮือฮาเช่น

  • ใต้ทะเลลึก: นักดำน้ำรีดผ้า ขณะมีฉลามว่ายอยู่ด้านหลัง พร้อมถังอากาศแน่นอก
  • บนต้นไม้สูง: รีดกลางป่าดิบชื้นในบราซิล โดยปีนขึ้นไปตั้งโต๊ะบนกิ่งไม้
  • ขณะเล่นสโนว์บอร์ด: หนุ่มอังกฤษคนหนึ่ง ใช้สายรัดยึดโต๊ะไว้กับตัว แล้วรีดเสื้อผ้า ระหว่างไถลลงเขา
  • กลางชุมชนเมือง: มีคนรีดผ้าบนรางรถไฟ  หรือบนป้ายโฆษณากลางเมืองนิวยอร์ก
  • บนเครื่องบิน: มีคนกระโดดร่มแล้วรีดผ้า ระหว่างดิ่งลงมาแบบ freefall

 

ที่มา: “B-Sports Part 4 Extreme Ironing” [3]

แรงบันดาลใจ การแข่งขันรีดผ้าเอ็กซ์ตรีม

สิ่งที่น่าสนใจคือ หลายคนไม่ได้ทำสิ่งนี้ แค่เพราะ “ขำ” แต่ทำเพราะมัน “มีความหมาย”
บางคนรีดผ้าบนกองขยะ เพื่อตั้งคำถามกับโลกว่า “เราทำให้โลกสะอาดได้ แค่ผืนผ้ารึเปล่า?”บางคนรีดผ้าหลังจากรักษาตัว จากโรคร้าย เพื่อสื่อถึงการกลับมา ใช้ชีวิตอย่างปกติ

บางทีมรีดบนภูเขา เพื่อตั้งเป้าหมายการระดมทุน ช่วยเหลือเด็กไร้บ้าน กิจกรรมนี้จึงกลายเป็นพื้นที่ของ “คนกล้า” ที่กล้าแสดงออก แม้จะดูเพี้ยน และมันก็สร้างแรงบันดาลใจ ให้คนอื่น ๆ ลุกขึ้นมาทำอะไรแปลก ๆ ที่สื่อสารเรื่องสำคัญได้ด้วย

จากกีฬาขำขัน สู่ปรากฏการณ์วัฒนธรรม

การแข่งรีดผ้าเอ็กซ์ตรีม ไม่ได้หยุดอยู่ที่การแข่งขัน มันลามไปถึงสารคดี รายการเรียลลิตี้ ยูทูบชาแนล ไปจนถึงแกลเลอรีศิลปะ ในบางประเทศ เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ มีกลุ่มคนที่รวมตัวกันเพื่อ “รีดในที่ใหม่ ๆ” ทุกปี เรียกกันว่า “Ironing Expeditions” มันไม่ใช่แค่การรีด

แต่มันคือวิธี “ต่อต้านความน่าเบื่อ” ของชีวิตคนเมือง ที่ถูกกลืนด้วยกิจวัตรประจำวัน บางมหาวิทยาลัย ถึงกับเปิดชมรม Extreme Ironing เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ โลกยุคนี้ อาจเต็มไปด้วยความเร่งรีบ และความเครียด การรีดผ้าแบบนี้ คือการบอกโลกว่า “เราขอมีเวลาทำอะไรไร้สาระ อย่างมีความหมายบ้างเถอะ”

นี่แหละมนุษย์ เราคิดอะไรแปลก ๆ แล้วก็ลงมือทำอย่างจริงจัง จนมันกลายเป็นกีฬา ไม่ว่าจะเป็นการรีดผ้าบนยอดเขา หรือ กีฬามวย ปลายเท้า คนเรามักหาวิธี ทำเรื่องไร้สาระ ให้มีความหมายอยู่เสมอ

บทสรุป เรื่องราวของ การแข่งขัน รีดผ้าเอ็กซ์ตรีม

การแข่งขัน รีดผ้าเอ็กซ์ตรีม อาจเป็นกิจกรรมที่ฟังดูเพี้ยน จนคนขมวดคิ้ว แต่แท้จริงแล้ว มันคือการทดลองสนุก ๆ ของมนุษย์ ที่อยากทำให้เรื่องธรรมดา เป็นเรื่องน่าจดจำ เราอาจไม่ต้องแบกเตารีด ไปปีนภูเขา แต่บางทีแค่ลอง “คิดนอกเตารีด” ชีวิตก็อาจเรียบ ในแบบที่สนุกขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย

กีฬานี้มีการแข่งขัน อย่างเป็นทางการจริง ๆ ไหม ?

เคยมีการจัดการแข่งขันจริงจัง หลายครั้งในอังกฤษ เยอรมนี และประเทศอื่น ๆ โดยมีทั้งเกณฑ์การให้คะแนน เช่น ความสร้างสรรค์ของสถานที่ ความแม่นยำในการรีด และการแต่งกายของผู้แข่งขัน บางเวทีถึงขั้น มีการประกวดภาพถ่าย รีดผ้าเอ็กซ์ตรีม แบบโชว์ศิลป์ก็มี

อะไรทำให้คนยังหลงใหลในกีฬานี้ ?

เพราะมันมีความเป็น “มนุษย์” สูงมาก คือไม่ต้องใช้พรสวรรค์ หรือร่างกายสุดแข็งแกร่ง แต่ต้องใช้ความกล้า จินตนาการ และความบ้าในระดับหนึ่ง ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ ในแบบของตัวเอง มันคือพื้นที่ ที่ทุกความแปลก ได้รับการยอมรับ และในโลกที่เรา ถูกกรอบจำกัดสารพัด

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง