แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ คาสิโน บาคาร่า ไฮโล ครบพร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

ความฝัน คืออะไร มีความสัมพันธ์กับจิตใจหรือไม่?

ความฝัน คืออะไร

ความฝัน คืออะไร คงเป็นคำถามที่เราต่างสงสัยกันไม่น้อย เพราะหลายครั้งที่ความฝันกลายเป็นเรื่องจริง หรือบางคนที่ฝันถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถนำไปตีความได้ทั้งทางวิทยาศาสตร์และทางความเชื่อตามตำราต่างๆ

ทำไมความฝัน ถึงเกิดขึ้นกับมนุษย์?

ความฝันเป็นสิ่งหนึ่งของชีวิตมนุษย์อย่างถ่องแท้ เพราะเราทุกคนต่างล้วนเคยมีความฝันกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็ก ผู้ใหญ่ หรือคนแก่ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นโดยมีตำราโบราณมารองรับ อธิบายถึงเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในชีวิตตามบริบทของความฝัน รวมถึงการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ

ความฝันตามความเชื่อในแต่ละประเทศแตกต่างกันอย่างไร?

ในชีวิตประจำวัน มนุษย์มักจะเกิดความฝันขึ้นอยู่ 2 รูปแบบ คือ ความฝันที่เกิดในขณะที่หลับสนิท และความฝันที่เกิดขึ้น เมื่อหลับไม่สนิท โดยความฝันทั้ง 2 แบบสามารถนำไปตีความหมายตามความเชื่อได้เหมือนกัน ยกตัวอย่างความเชื่อจากแต่ละแหล่ง ดังนี้

1. ฝันกับความเชื่อของชาวกรีก

  • ชาวโรมันและชาวกรีก ถือเป็นมนุษย์กลุ่มหนึ่งที่มีความเชื่อเกี่ยวกับความฝัน ที่เชื่อมโยงไปยังพระเจ้า และเชื่อว่าบุคคลที่มาเข้าฝัน คือ คนพิเศษ

2. ฝันกับความเชื่อของชาวจีน

  • ชาวจีนเชื่อว่าความฝันเป็นการตื่นขึ้นในอีกโลกหนึ่ง โดยเป็นการผละวิญญาณในร่างไปยังร่างใหม่ของโลกแห่งความฝัน

3. ฝันกับความเชื่อของชาวเม็กซิกัน

  • ชาวเม็กซิกันเชื่อว่าความฝันเป็นการไปเยือนโลกใหม่ ที่มนุษย์เดินทางไปในยามหลับ

4. ฝันกับความเชื่อของชาวยุโรป

  • ชาวยุโรปเชื่อว่ากันว่าความฝันเป็นสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งเป็นตัวหลอกล่อที่ทำให้มนุษย์หันไปทำเรื่องเลวร้ายได้

ที่มา : ฝัน [1]

5. ฝันกับความเชื่อในพระพุทธศาสนา

ความฝันตามหลักพระพุทธศาสนาแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ในแต่ละประเภทจะอธิบายโดยอ้างอิงถึงเวลาและปัจจัยที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่แตกต่างกัน ดังนี้

 

ความฝันแบบธาตุโขภ

  • ความฝันที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของร่างกาย เช่น อาหารไม่ย่อย ธาตุกำเริบ เมื่อหลับจึงฝันร้ายหรือฝันแปลกๆ โดยเกิดจากทุกขเวทนาของร่างกายเป็นองค์ประกอบ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลา 18.00 – 22.00 นาฬิกา

 

ความฝันแบบจิตนิวรณ์

  • ความฝันรูปแบบนี้มักจะเกิดขึ้นจากที่มนุษย์ไปพัวพันกับบางสิ่ง หรือจมอยู่กับบางอย่าง ที่เป็นความกังวลภายในจิตใจ จึงทำให้รู้สึกไม่ดี หน่วง และเป็นทุกข์ มักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลา 22.00 – 02.00 นาฬิกา

 

ความฝันแบบบุพนิมิต

  • ความฝันรูปแบบนี้ เป็นผลมาจากผลบุญหรือบาปของผู้ฝันและผู้อื่น ความพิเศษ คือ สามารถบอกเหตุล่วงหน้าที่เป็นเรื่องดีหรือไม่ดีได้ มักเกิดขึ้นในช่วงเวลา 02.00 – 06.00 นาฬิกา หรือช่วงเวลาอื่นที่ผู้ฝันไม่ได้มีจิตใจพัวพันกับสิ่งใด

 

ความฝันแบบเทพสังหรณ์

  • ความฝันประเภทนี้มักจะเกิดขึ้น เพราะการดลบันดาลโดยเทพ หรือเทวดา ที่ต้องการให้ผู้ฝันสมปรารถนา จึงดลบันดาลด้วยการให้บางสิ่งผ่านเรื่องราวของความฝัน หรือหากต้องการแกล้งมนุษย์ก็ให้ในสิ่งที่ตรงข้ามกัน

 

ที่มา : “ความฝัน” 4 ประเภท จาก 4 สาเหตุ [2]

การอธิบายเรื่องราวของความฝันทางวิทยาศาสตร์

นอกจากความเชื่อตามตำราเกี่ยวกับความฝันแล้ว ทางวิทยาศาสตร์ก็มีคำอธิบายเกี่ยวกับความฝันไว้เหมือนกัน บางครั้งร่างกายมนุษย์ไม่จำเป็นต้องหลับลึกก็เกิดความฝันได้ โดยแบ่งออกเป็น 3 Stage ดังนี้

 

  • Stage 1 การหลับตื้น : ช่วงนี้ร่างกายมนุษย์จะยังไม่หลับสนิท โดยมีอาการ สะลึมสะลือ เคลิ้มๆ และเกิดความผ่อนคลายตามมา
  • Stage 2 การหลับลึก : ช่วงนี้ร่างกายของมนุษย์จะพักผ่อนได้เต็มที่และเกิดความผ่อนคลาย
  • Stage 3 การหลับฝัน : ทางวิทยาศาสตร์ตั้งชื่อให้ว่า REM Sleep (Rapid Eye Movement Sleep) ช่วงนี้ร่างกายของมนุษย์มีการทำงานไม่แตกต่างไปจากตอนที่ตื่นนอน แต่ด้วยร่างกายที่หลับอยู่ สมองจึงสั่งการเป็นความฝันแทน ใน 1 ค่ำคืน ความฝัน Stage 3 จะวนเวียนไปเรื่อยๆ โดยเฉลี่ยรอบละประมาณ 1 ชั่วโมง

 

ที่มา : ไขความลับความฝันด้วยวิทยาศาสตร์ [3]

ความฝันคืออะไร ทำไมเกิดขึ้นบ่อย?

บางคนมักจะเกิดความฝันบ่อยๆ เมื่อหลับในช่วงกลางคืนหรือแม้กระทั่งในตอนกลางวัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็น ประสบการณ์ ความฝัน ที่ไม่ค่อยดีมากนักในทางการแพทย์ เพราะอาจจะทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ จนเกิดภาวะอ่อนเพลียและเกิดปัญหาสุขภาพได้

ฝันบ่อย แก้ไขอย่างไรได้บ้าง?

ฝันบ่อยส่งผลเสียต่อร่างกาย ทำให้การปรับสมดุลในร่างกายบกพร่อง สู่การป่วยและเกิดโรคต่างๆตามมาในภายหลัง สำหรับผู้ที่เผชิญกับอาการฝันบ่อย สามารถแก้ไขได้ด้วย 5 วิธี ดังนี้

1. ออกกำลังกาย

  • สำคัญที่สุดของร่างกาย คือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งในวัยที่มีอายุมากขึ้น อาจจะทำให้ร่างกายเสื่อมสภาพลง การขยับร่างกายบ้างจะช่วยผลักดันให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยให้ผ่อนคลายและหลับง่ายขึ้น

2. เลือกงานอดิเรก

  • เลือกทำกิจกรรมอื่นนอกเหนือจากการเล่นโทรศัพท์มือถือ หรือการท่องโลกออนไลน์ ซึ่งบางครั้งอาจจะก่อให้เกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัว เช่น การอ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ และการสวดมนต์ เป็นต้น

3. หลีกเลี่ยงคาเฟอีน

  • คาเฟอีน เป็นสารที่ทำให้สมองเกิดการตื่นตัว ซึ่งเป็นตัวช่วยง่วงซึมระหว่างวัน จึงไม่เหมาะกับการทานคาเฟอีนก่อนนอน เพราะในเวลาใกล้เคียง เพราะจะทำให้หลับไม่สนิทได้

4. ควบคุมอารมณ์

  • การตื่นตัว ความเครียด หรือความกังวลก่อนนอนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สมองหลับไม่สนิท การฝึกอารมณ์และจิตใจให้สงบก่อนนอน จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้หลับสนิทขึ้นได้

5. ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม

  • การเลือกที่นอนที่ดี สภาพแวดล้อมที่ปลอดโปร่ง เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้หลับสบายมากขึ้น ร่างกายเกิดความผ่อนคลาย ส่งผลให้การนอนหลับมีคุณภาพมากขึ้น

 

ที่มา : เปิดสาเหตุ “ฝันบ่อยเกิดจากอะไร” [4]

ยกตัวอย่างความฝันที่อาจจะทำให้เกิดความกังวล

เชื่อว่าคงมีความฝันหลายประเภทที่มักจะก่อให้เกิดความกังวล ส่งผลให้ผู้ฝันจิตตกและนำไปคิดมากในการใช้ชีวิตจริง แม้บางครั้งจะไม่ได้เกิดขึ้นตามที่ฝันก็ตาม ซึ่งความฝันที่ส่งผลในแง่ลบต่อสภาพจิตใจ ยกตัวอย่าง ดังนี้

 

  • ความฝันเกี่ยวกับความตาย เช่น บุคคลที่รักเสียชีวิต ตัวเองเสียชีวิต
  • อุบัติเหตุ เช่น รถชน ตกตึก โดนมีดบาด
  • โศกนาฏกรรม เช่น สงคราม การก่อการร้าย
  • ความเจ็บปวดในอดีต เช่น ความรัก ความสูญเสีย

 

ทั้งหมดนี้ส่วนหนึ่งมักจะเกิดขึ้นโดยมีสาเหตุมาจากจิตใต้สำนึก ตามหลักทางวิทยาศาสตร์ โดยพบได้ในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า และโรควิตกกังวล เพราะฉะนั้นการฝึกจิตใจอาจจะเป็นทางออกหนึ่ง ที่ช่วยลดการฝันร้ายได้ ยกตัวอย่าง เช่น การเลิกเสพข่าวที่เป็นผลลบ การรับสารที่ไม่ดี รวมไปถึงการคบคน เป็นต้น

สรุป ความฝัน คืออะไร

ความฝัน คืออะไร

สรุป ความฝัน คืออะไร ความฝันเป็นสิ่งหนึ่งที่เรียกได้ว่าเกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นฝันดีหรือฝันร้าย โดยมีหลักการทางความเชื่อและหลักการทางวิทยาศาสตร์เข้ามารองรับในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป

ทางวิทยาศาสตร์อธิบายความฝัน ว่าอย่างไร?

ความฝันทางวิทยาศาสตร์อธิบายออกมาหลายช่วง โดยมนุษย์เรานั้นมีการหลับลึกและหลับตื้น ซึ่งช่วงที่เกิดความฝัน เรียกว่า Stage 3 เป็นช่วงที่ร่างกายทำงานเหมือนตอนตื่น จึงได้สั่งการผ่านระบบของความฝันแทน

ความฝันมีข้อเสียหรือไม่?

การฝันถึงเรื่องราวที่ดี จะช่วยให้ผู้ฝันมีกำลังใจ และมีเป้าหมาย ส่วนฝันร้ายอาจจะก่อให้เกิดความกังวล ซึ่งเป็นข้อเสียของความฝัน รวมไปถึงการหลับฝันบ่อย ที่ส่งผลเสียทำให้การพักผ่อนไม่มีประสิทธิภาพ กลายเป็นปัญหาสุขภาพได้ เมื่อถูกสะสมเป็นระยะเวลานาน

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง