
เตะหน้าแข้ง กีฬาโบราณ สุดโหดแห่งเกาะอังกฤษ
- J. Kanji
- 13 views
เตะหน้าแข้ง กีฬาโบราณ ที่ฟังดูเหมือนมุกตลก แต่จริง ๆ แล้วมันคือการแข่งขันจริงจัง ที่มีประวัติยาวนาน และยังคงจัดอยู่ทุกปี ถ้าพูดถึงกีฬาเก่าแก่ อาจจะนึกถึงมวยปล้ำ หรืออะไรคลาสสิก แบบโอลิมปิก แต่กีฬาเตะกัน ที่หน้าแข้งนี่แหละ ที่ทั้งแปลก และโคตรเจ็บ จนกลายเป็น ตำนานความอึด เลยทีเดียว
การแข่งเตะหน้าแข้ง ถือกำเนิดราว ๆ ศตวรรษที่ 17 ในเขต Cotswolds ทางตะวันตกเฉียงใต้ ของอังกฤษ ซึ่งเป็นแถบชนบท ที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้า และประเพณีสุดแปลก มันถูกบันทึกว่า เป็นส่วนหนึ่งของ งานเทศกาลโบราณ ชื่อว่า Cotswold Olimpick Games
ซึ่งเป็นงาน เฉลิมฉลองพื้นบ้าน ที่รวมการแข่งขันบ้าบิ่น หลายแบบเข้าไว้ด้วยกัน และการแข่งเตะหน้าแข้ง คือหนึ่งในไฮไลต์ ที่คนเฝ้ารอมากที่สุด ในสมัยก่อน คนอังกฤษเชื่อว่า ความเจ็บเล็กน้อย เป็นเรื่องของ “เกียรติ” และความแข็งแกร่ง
การเตะหน้าแข้งกัน จึงเป็นเหมือนการ แสดงความกล้าหาญ แบบลูกผู้ชายตัวจริง ว่ากันว่า คนที่ชนะจะ ได้รับความเคารพ ในหมู่บ้าน และแน่นอนอาจได้แฟนด้วย ถึงจะต้องแลกกับหน้าแข้งบวมก็ตาม [1]
เตะหน้าแข้งฟัง ดูเหมือนเด็กเล่น แต่จริง ๆ แล้วมันมีกติกา และพิธีกรรมของมันอยู่ดังนี้
แม้จะดูดิบเถื่อน แต่ปัจจุบันมีการใส่ ฟางไว้ในขากางเกง เพื่อลดแรงกระแทก และห้ามใส่รองเท้าหนัก หรือมีตะปูเด็ดขาด (เพราะเมื่อก่อน เคยใส่กันจริงจัง แล้วคนเจ็บหนัก จนเลิกแข่งไปช่วงหนึ่ง) [2]
แม้การแข่งเตะหน้าแข้ง จะดูเหมือนการเล่นตลก หรือความรุนแรง ที่ไม่น่าจะสนับสนุน แต่มันคือส่วนหนึ่งของ วัฒนธรรมท้องถิ่น ที่สะท้อนความเป็นลูกผู้ชาย ในยุคโบราณ คล้ายกับการสู้วัวกระทิงในสเปน หรือการมวยปล้ำซูโม่ ในญี่ปุ่น มันไม่ได้มีแค่ “การแข่งขัน”
แต่มีเรื่องของเกียรติ ความกล้าหาญ และการรักษาประเพณี สืบทอดกันมา หลายชั่วอายุคน คนในชุมชนรู้ดีว่ามันคือ “ความโหด แบบมีขอบเขต” ซึ่งสะท้อนถึงการอดทน ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว และการยืนหยัด ต่อความเจ็บที่ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่มันคือศิลปะ ของความทรหด ในแบบบ้าน ๆ
แม้เตะหน้าแข้ง จะห่างไกลจากกีฬาสากล แบบฟุตบอล หรือเทนนิส แต่มันกลับมีชื่อเสียงขึ้นอีกครั้ง ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ด้วยความที่โลกเริ่มสนใจ “กีฬาแปลก” เทศกาล Cotswold Olimpick Games จึงได้รับความสนใจ จากนักท่องเที่ยว และสื่อมากขึ้น
และการแข่งเตะหน้าแข้ง ก็กลายเป็นไฮไลต์ ของเทศกาลทุกปี มีคนสมัครแข่งจากทั่วโลก แม้กติกา จะถูกปรับให้ปลอดภัยขึ้น แต่การแข่งขัน ยังคงดิบพอให้คนดู ลุ้นสุดตัว เสียงเชียร์รอบสนาม ผสมกับเสียง “อ๊าก” เวลาโดนเตะ บอกเลยว่าสนุก ไม่แพ้บอลโลก หรือกีฬาสุดขั้วอย่าง กีฬาคนวิ่งแข่งกับม้า เลยทีเดียว [3]
กีฬาเตะหน้าแข้ง ไม่ได้เป็นแค่ การระบายความโกรธ หรือประชันความถึก มันสะท้อนถึงความเป็น กีฬาชาวบ้าน ที่ไม่ต้องใช้เงินเยอะ ไม่ต้องมีสนามแพง ๆ แค่สนามหญ้า กับใจที่พร้อมจะโดนเตะก็พอ และที่น่าสนใจคือ มันสร้างความสามัคคี ในชุมชน เพราะคนที่ลงแข่ง มักเป็นเพื่อนบ้านกันเอง
หลังแข่งเสร็จ แม้จะเขียวช้ำ แต่ก็ยิ้มให้กันได้ พร้อมไปดื่มเบียร์แก้วใหญ่ ที่ผับข้างสนาม มีงานวิจัย เชิงมานุษยวิทยาบางชิ้น ที่บอกว่าเตะหน้าแข้ง คือการ “แสดงออกเชิงสัญลักษณ์” ของความสัมพันธ์ ในสังคมอังกฤษยุคเก่า ที่เน้นความอดทน ความรับผิดชอบ และจิตวิญญาณนักสู้ แบบคันทรี
ในยุคที่โลกเต็มไปด้วย กีฬาแปลก ๆ อย่าง กีฬาคนวิ่งแข่ง กับม้า (Man vs Horse) หรือ การแข่งขัน รีดผ้าเอ็กซ์ตรีม (Extreme Ironing) การแข่งเตะหน้าแข้งก็คือหนึ่ง ในตัวแทนของความบ้าบิ่น อย่างมีรากเหง้ามัน ไม่ได้เกิดจากการ “คิดคอนเทนต์” เพื่อไวรัล แต่มาจากประเพณีจริง ๆ
ที่อยู่คู่กับชุมชนเล็ก ๆ มานานหลายร้อยปี และแม้จะถูกมองว่า เป็นกีฬาแปลก แต่ชาวอังกฤษ จำนวนไม่น้อย กลับภูมิใจที่วัฒนธรรมนี้ ยังมีชีวิต
เตะหน้าแข้ง กีฬาโบราณ ต้องยอมรับว่า กีฬานี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แต่มันเป็นบทพิสูจน์ ของความอดทน และเป็นสีสัน ของวัฒนธรรมอังกฤษ กีฬานี้คือการเตือนว่า “กีฬา” ไม่จำเป็นต้อง ใช้สนามหญ้าแพง ๆ หรือกฎหรู ๆแค่ใช้ขา เตรียมใจ และพร้อมจะล้ม แล้วลุกขึ้นมาใหม่ ก็กลายเป็นตำนาน ได้เหมือนกัน
แม้ชื่อของกีฬาจะฟังดูโหด และดูเหมือนจะสร้างความเจ็บปวด แต่ในปัจจุบัน ได้มีการปรับกติกา และมาตรการ ความปลอดภัยหลายอย่าง เพื่อลดความรุนแรงลง ตัวอย่างเช่น นักกีฬาจะต้อง สวมกางเกงที่มีวัสดุ กันกระแทก ห้ามสวมรองเท้าแข็ง และมีกรรมการคอยดูแล ตลอดการแข่งขัน
สามารถเข้าร่วมได้ ทั้งสองแบบ ในปัจจุบันไม่ได้สงวนไว้ สำหรับนักกีฬา หรือผู้เล่นมืออาชีพเท่านั้น แต่เปิดโอกาสให้ คนทั่วไปที่อยากลอง สามารถสมัคร เข้าร่วมแข่งขันได้ นอกจากนี้ เทศกาลอย่าง Cotswold Olimpick Games ยังเปิดให้ผู้ชม เข้าชมได้ฟรีอีกด้วย