
เรื่องราว นกอุลามะ (Ulama) ปีศาจปีกแห่งศรีลังกา
- Jynx
- 32 views
เรื่องราว นกอุลามะ (Ulama) หรือถูกเรียกว่า “นกปีศาจศรีลังกา” เป็นสัตว์บอกเหตุร้าย ว่ากันว่าเสียงร้องของมัน จะทำให้เลือดมนุษย์แข็งตัว มีการเล่าถึงมาตั้งแต่ ยุคก่อนศรีลังกาถูกล่าอาณานิคม ส่วนข้อมูลเพิ่มเติม ตามเราไปศึกษาที่มาด้านล่าง
คำว่าอุลามะ บางครั้งเขียนว่า “อุลามะฮ์” ซึ่งอาจหมายถึงความตาย ในขณะที่ชาวตะวันออกของศรีลังกา จะเรียกว่าด้วยชื่อ Pey Kuruvi แปลว่า นกกระจอกผี ในภาษาทมิฬ ส่วนคำเรียกยอดนิยม และใช้สื่อถึงนกตัวนี้ตามแหล่งข้อมูลจะใช้ชื่อว่า Devil Bird หรือนกปีศาจนั่นเอง
ตามนิทานพื้นบ้านเล่าว่า มีคู่รักได้คลอดลูกชาย แต่สามีคิดว่านั้นไม่ใช่ลูกของเขา ในวันหนึ่งเมื่อภรรยาไม่อยู่ เขาจึงลงมือสังหารลูกตัวเอง แล้วนำเนื้อมาทำอาหาร เมื่อผู้เป็นเมียกลับมา พวกเขาเริ่มรับประทานอาหาร และผู้เป็นเมียจึงรู้ความจริง ว่าตัวเองกำลังกินอะไรเข้าไป
เธอเสียใจและกลัว จนวิ่งหนีเข้าไปในป่า ก่อนที่จะถูกแปลงร่างให้เป็นอุลามะ หากใครได้ยินเสียงร้อง จะถูกสาปให้โชคร้ายหรือตาย ซึ่งนอกจากชาวศรีลังกา นกชนิดนี้ยังถูกกล่าวถึงโดยชาวอังกฤษ ชื่อโรเบิร์ต น็อกซ์ (Robert Knox) แต่เขาบรรยายว่า เสียงของมันเป็นเสียงแห่งราตรี [1]
แต่มีบางเวอร์ชัน เล่าว่าสามีกลับบ้านพร้อมเนื้อที่ซื้อมา แต่ถูกสุนัขขโมยไปเขาจึงโมโห หรือเล่าว่าสามีโมโหหิว จึงฆ่าลูกชาย บ้างก็ว่าสามีซื้อเนื้อมา แล้วให้เมียเป็นคนทำอาหาร แต่ใจความสำคัญของเรื่อง คือพ่อได้ฆ่าลูก จนทำให้แม่กลายเป็นนกปีศาจ
ต้นกำเนิดของนกปีศาจ เกิดขึ้นในประเทศศรีลังกา ยุคก่อนล่าอาณานิคม ถูกเขียนถึงทั้งในวรรณกรรม Salalihini Sandeshaya, Paravi Sandeshaya และ Mahavamsa ร่วมกับสัตว์อื่น โดยศรีลังกาเป็นหนึ่งในเกาะ ของมหาสมุทรอินเดีย ห่างจากอินเดียตอนใต้ราวๆ 80 กม.
มีพื้นที่ประมาณ 65.610 ตร. กม. มีกรุงโคลัมโบเป็นเมืองหลวง และมีเมืองสำคัญอย่างแคนดี้ (Kandy) ตั้งอยู่ตอนกลาง โดยจำนวนผู้อยู่อาศัย จากข้อมูลตั้งแต่ปี 2553 มีจำนวน 20.2 ล้านคน แบ่งเป็นกลุ่มชาวสิงหล 74% ชาวทมิฬ 18% ชาวมุสลิม 7% และอื่นๆ อีก 1%
ซึ่งภาษาที่ใช้ทางการมี 2 ภาษา คือ ภาษาสิงหลและภาษาทมิฬ ประชากรส่วนใหญ่เป็นพุทธนิกายเถรวาท มีการใช้สกุลเงินรูปีศรีลังกา (LKR) โดดเด่นเรื่องการส่งออกเสื้อผ้า สิ่งทอ ชา เครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์จากยางพารา เพชรพลอย หรือปิโตรเลียม
ที่มา: Sri Lanka / ศรีลังกา [2]
นักเขียนชาวแองโกล-อินเดียน ชื่อ จิม คอร์เบตต์ (Jim Corbett) เขาอ้างว่า เคยได้ยินเสียงนกอุมาละ 3 ครั้ง และเคยเห็นครั้งเดียว แล้วบรรยายลักษณะไว้ว่า
จากข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ของดอกเตอร์ชื่อว่าสัมพัท (Sampath) กล่าว่าเสียงร้องของนกปีศาจอุลามะ ก็คือเสียงของนกล่าเหยื่อตัวใหญ่ โดยในการสำรวจหาสายพันธุ์นกที่ส่งเสียง ดอกเตอร์อาร์เอลสปิตเทล (Dr R.L. Spittel) ได้ล่านกกลางคืน 4 ตัว ที่เชื่อว่าเป็นนกปีศาจ ได้แก่
โดยนกทั้งสี่มีเสียงที่น่าขนลุก แต่มี 1 สายพันธุ์ที่มีความน่าจะเป็นสูงที่สุด คือ นกเค้าแมวท้องจุด [3]
นกเค้าแมวท้องจุด หรือ นกเค้าแมวป่า หรือ นกเค้าใหญ่พันธุ์เนปาล เป็นนักล่าตัวใหญ่ มีถิ่นอาศัยในอินเดีย เนปาล บังกลาเทศ ศรีลังกา และบางพื้นที่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีข้อมูลเฉพาะ ดังนี้
ที่มา: What is Spot Bellied Eagle Owl? [4]
เรื่องราวของนกอุลามะ เป็นวิหคปีศาจแห่งศรีลังกา ที่เชื่อว่า หากใครได้ยินเสียง จะทำให้พบกับโชคร้ายรวมถึงความตาย โดยนิทานที่ถูกเล่าต่อกันมากสุด เป็นเรื่องการฆ่าลูกตัวเอง และผู้เป็นแม่ทนไม่ไหว จึงกลายร่างเป็นนกปีศาจ ซึ่งปัจจุบันสันนิษฐานว่า คือนกเค้าแมวท้องจุด
นอกจากนกที่กล่าวมา ยังมีอีกหลายสายพันธุ์ที่ถูกเรียกว่านกปีศาจ ยกตัวอย่างเช่น นกนางแอ่นพายุ โดยเฉพาะสายพันธุ์ในยุโรป ซึ่งเป็นพันธุ์เดียวกับตำนาน นกอาบาบิล มีอยู่จริงไหม (Hirundo Rustica, Common Swift, Cecropis rufus), นกนางแอ่นเหลือง, นกนางแอ่นลายจุด, นกตั๊กแตนขาว, นกหัวขวานเหลือง เป็นต้น
ศรีลังกาเป็นหนึ่งในประเทศของเอเชียใต้ ซึ่งนอกจากมองว่านกเค้าแมว เป็นลางบอกเหตุร้าย ยังมีสายพันธุ์ที่สื่อถึงเรื่องดีๆ อีกด้วย อาทิเช่น นกฮูกเหยี่ยวเกี่ยวข้องกับเทพเจ้า, นกฮูกสีขาวเป็นสัตว์ของเทพความมั่งคั่ง เป็นต้น แต่ในช่วงสมัยก่อนศาสนาอิสลาม คนมักมองว่าเป็นสัตว์แห่งลางร้าย