
เรื่องราว อามาร็อก (Amarok) หมาป่าเดียวดายของชาวเอสกิโม
- Jynx
- 24 views
เรื่องราว อามาร็อก (Amarok) หรือ แอมะร็อก เป็นหมาป่ายักษ์ ที่ชาวเอสกิโมเล่าว่า มันชอบออกล่าตัวเดียว มีการกล่าวถึงทั้งในเรื่องที่ดี และล่ามนุษย์เป็นอาหาร ซึ่งความจริงแล้ว หมาป่าตัวนี้เป็นยังไงกันแน่? อ่านต่อด้านล่าง
คำว่าอามาร็อก ในวัฒนธรรมอินูอิต แปลว่า หมาป่า หรือ วิญญาณหมาป่า โดยนักวิชาการชาวกรีนแลนด์ชื่อ Hinrich Johannes Rink บันทึกไว้เมื่อศตวรรษที่ 19 ว่าชาวอินูอิตกรีนแลนด์ ใช้คำว่า Amarok สำหรับเรียกหมาป่าตัวนี้ตัวเดียว ส่วนชาวอาร์กติกอื่นๆ ใช้เพื่อกล่าวถึงหมาป่าโดยรวม
เรื่องราว อามาร็อก มีทั้งเรื่องดีๆ เกี่ยวกับการช่วยเหลือมนุษย์ และเรื่องที่มนุษย์ต้องถูกลงโทษ ซึ่งในหนังสือนิทานเรื่อง Tales and Traditions of the Eskimo เขียนเอาไว้ ดังนี้
ช่วยเหลือมนุษย์
มีเด็กชายคนหนึ่งถูกรังแก เขาพยายามเรียกหา เทพเจ้าแห่งพละกำลัง แต่กลายเป็นหมาป่า ที่ปรากฏตัวให้เห็น แล้วผลักเด็กชายล้มลง จนทำให้กระดูกของเขาหลุดออกมา หมาป่าจึงบอกเด็กชายว่า ให้กลับมาที่นี่ทุกวัน และเมื่อเวลาผ่านไป เด็กชายแข็งแรงขึ้น จนสามารถสู้กับหมีได้ถึง 3 ตัว และได้รับความนับถือจากชาวบ้าน
ลงโทษมนุษย์
ชายที่กำลังเสียใจ กับการตายของญาติ พวกเขาออกตามหาหมาป่า แต่พบเข้ากับลูกๆ ของมัน จึงสังหาร แล้วเข้าไปซ่อนอยู่ในถ้ำ เมื่อหมาป่ากลับมาไม่เห็นลูก จึงตามหามนุษย์ แล้วลากมาบริเวณทะเลสาบ ก่อนจะที่ดูดเอาวิญญาณ
ที่มา: Tales and Traditions of the Eskimo [1]
หมาป่าอามาร็อก ขนาดตัวใหญ่กว่าหมาป่าทั่วไป หรืออาจตัวเท่ากับหมี สูงได้ถึง 7 ฟุต น้ำหนักได้กว่า 700 ปอนด์ แต่มีความคล่องแคล่ว ขนมีตั้งแต่สีขาว ขาว-เทา หรือน้ำตาล ล่าสัตว์ใหญ่เป็นอาหาร เช่น กวางแคริบู, วัวมัสก์ หรือแม้กระทั่งหมีขั้วโลก
มันเคลื่อนไหวในทุ่งทุนดราได้อย่างดี ซึ่งนิสัยการล่าของมัน มักซ่อนอยู่ในความมืด จากนั้นเมื่อเหยื่อเผลอ มันถึงจะออกมาโจมตี และด้วยประสาทสัมผัสที่ยอดเยี่ยม รวมถึงความเร็วที่เทียบไม่ติด ทำให้มนุษย์ไม่มีทางหนีรอด
ในบางตำนาน บอกว่ามันฉลาดมากๆ จนสามารถเข้าใจภาษามนุษย์ได้ มีดวงตาเรืองแสงเหมือนไฟ หายตัวและปรากฏตัวได้ตามต้องการ อีกทั้งบางเรื่องยังเชื่อว่า มันแปลงร่างเป็นคนได้อีกด้วย
จากการตั้งทฤษฎี ส่วนใหญ่คิดเห็นว่าหมาป่าอามาร็อก อาจจะเป็นลูกหลานของไดร์วูล์ฟ ซึ่งไดร์วูล์ฟอยู่ในสกุล Canis Dirus เคยอยู่ในอเมริกา ยุคไพลสโตซีน 125,000 ปีก่อน มันตัวใหญ่กว่าหมาป่าสีเทา กินควายป่าเป็นอาหาร
เคยสูญพันธุ์ไปเมื่อประมาณ 6,000 ปีก่อน แต่ข่าวใหม่ล่าสุด Colossal Biosciences บริษัทในอเมริกา ได้มีการคืนชีพให้ไดร์วูล์ฟ ผ่านการดัดแปลง 3 พันธุกรรม ซึ่งลูกหมาป่ามีอายุระหว่าง 3-6 เดือน ขนสีขาว น้ำหนักตัวประมาณ 36 กก. และอาจหนักถึง 63 กก. เมื่อโตเต็มวัย [2]
อย่างไรก็ตาม อามาร็อกต่างจากไดร์วูล์ฟ เพราะมันอยู่เดียวดาย ในขณะที่ไดร์วูล์ฟอยู่เป็นฝูง ทฤษฎีนี้จึงมีข้อขัดแย้ง และไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า อามาร็อกเคยมีอยู่จริงไหม [3]
การปรากฏตัวอามาร็อกในสมัยใหม่ พบเห็นได้หลากหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็น วรรณกรรม, ภาพยนตร์ และวิดีโอเกม ซึ่งมีตัวอย่าง ดังต่อไปนี้
วรรณกรรม
ภาพยนตร์ / โทรทัศน์
วิดีโอเกม
ที่มา: Amarok-in Popular Culture [4]
สรุปโดยย่อของ เรื่องราวอามาร็อก เป็นหมาป่านักล่าเดียวดาย เล่าถึงโดยชาวเอสกิโม และผู้คนที่เชื่อในศาสนาอินูอิต มีบันทึกการเรียกชื่อในศตวรรษที่ 19 ขนาดตัวใหญ่เท่าหมี กินสัตว์ขั้วโลกเหนือเป็นอาหาร มีข้อสันนิษฐานว่า อาจสืบเชื้อสายมาจากไดร์วูล์ฟ
คนมักนำไปเปรียบเทียบกับ เวนดิโก (Wendigo) จากนิทานของชาวอัลกองควิน ถึงแม้เวนดิโกจะไม่ใช่หมาป่า แต่มันเป็นวิญญาณที่กินเนื้อมนุษย์ สัญลักษณ์ของความตะกละ และทั้งสองเชื่อมโยงกับความกลัว
ชื่อของอามาร็อก มีการใช้งานอยู่ในวงการเพลง ยกตัวอย่างเช่น อัลบั้มเมื่อปี 2000 ของ Mike Oldfield ซึ่งมีความยาวรวม 1:00:02 ชั่วโมง สามารถคลิกฟังได้บน spotify หรือจะเป็นเพลง Amarok: Zorn des Lammes ของวงแบล็กเมทัล สัญชาติเยอรมนี เป็นต้น